วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2558

ภาวะผู้นำ

ระดับและคุณสมบัติของภาวะผู้นำ
ระดับของภาวะผู้นำ
แต่ละคนมีระดับภาวะผู้นำไม่เท่ากัน ภาวะผู้นำมีได้หลายระดับ แบ่งได้ดังนี้
  1. แบ่งตามระดับของปัจจัยเอื้อต่อการเป็นผู้นำ คนที่มีภาวะผู้นำน้อยต้องมีตำแหน่งหรืออำนาจก่อนจึงจะนำได้ หรือต้องมีตำแหน่งและอำนาจก่อนคนถึงจะทำตาม ซึ่งผู้คนก็ทำตามเพราะถูกบังคับหรือยอมจำนนต่อตำแหน่ง อำนาจ แต่ผู้ที่มีภาวะผู้นำมากจะสามารถนำคนได้แม้ไม่มีตำแหน่ง ผู้คนรู้สึกเต็มใจที่จะทำตามเขา แม้ว่าเขาไม่ได้มีอำนาจอะไร และยิ่งหากเขามีตำแหน่งด้วยคนก็ยิ่งเต็มใจทำตามมากขึ้นไปอีก หรือในตอนแรกแม้เขาไม่มีตำแหน่ง แต่เมื่อคนติดตามเขาแล้วตำแหน่งก็มักจะตามมาเองภายหลัง
     2. แบ่งตามระดับความยากง่ายของภารกิจ ภารกิจแต่ละอย่างมีความยากง่ายไม่เท่ากัน การนำคนไปรบย่อมยากกว่าการนำคนไปเที่ยว คนที่มีภาวะผู้นำน้อยอาจสามารถนำผู้คนไปทำสิงที่ง่ายๆ หรือสิ่งที่พวกเขาชอบอยู่แล้ว เช่น ชวนไปทำสิ่งที่สนุกสนาน ชวนไปทานอาหารอร่อยๆ ชวนไปทำสิงที่ได้เงิน หรือผลประโยชน์ แต่คนที่มีภาวะผู้นำมากจะสามารถนำในระดับที่ยากขึ้นคือ สามารถนำผู้คนไปทำสิ่งที่พวกเขาไม่ชอบได้ด้วยความสมัครใจ เช่น ชวนคนไปทำสิ่งที่ต้องเสียสละ อุทิศตัว ชวนคนไปต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ชวนคนไปสละชีวิต
   
    3. แบ่งตามระดับศักยภาพของผู้ตาม คนที่มีภาวะผู้นำน้อยอาจสามารถนำผู้คนที่ช่วยตัวเองไม่ค่อยได้ 
ต้องพึ่งพิงคนอื่นตลอดเวลา ขาดศักยภาพ แต่คนที่มีภาวะผู้นำมากจะสามารถนำคนที่มีศักยภาพสูง และคนที่มีภาวะผู้นำเช่นกัน (เพียงแต่อาจมีน้อยกว่าเราหรือเท่าๆกับเรา) ผู้เชี่ยวชาญในด้านความเป็นผู้นำกล่าวว่าคนเรามักจะเลือกติดตามคนที่มีภาวะผู้นำมากกว่าตนเอง

     4. แบ่งตามระดับศักยภาพการพัฒนาตัว คนที่มีภาวะผู้นำน้อยอาจทำงานที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ
ระดับหนึ่ง แล้วก็จะหยุดการพัฒนา ไม่สามารถสร้างผู้อื่นๆให้ขึ้นมาเป็นผู้นำแทนตัวเอง เพื่อตนเองจะขึ้นไปนำในระดับที่ยากขึ้น ส่วนผู้ที่มีภาวะผู้นำสูงจะสามารถพัฒนาตัวเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่องไม่จำกัด สามารถสร้างคนอื่นๆให้ขึ้นมาเป็นผู้นำได้ และตนเองก็ก้าวขึ้นไปนำในระดับที่ยากขึ้นเรื่อยๆ
หากเราดูชีวิตขององค์พระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงบังเกิดอย่างตํ่าต้อยในรางหญ้า เติบโตในครอบ ครัวช่างไม้สามัญชน เป็นคนบ้านนอก แต่กลับมีผู้คนจำนวนมากติดตามพระองค์จนถึงขั้นยอมตายเพื่อพระองค์ และพระองค์ก็ทรงสร้างบรรดาอัครสาวกให้สามารถเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพต่อไปได้แม้พระองค์จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้ว และเหล่าอัครสาวกเหล่านี้ก็ยังได้รับอิทธิพลที่จะสร้างสาวกผู้นำต่อมาอีกเป็นทอดๆ เป็นจำนวนมาก จนข่าวประเสริฐสามารถสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันได้มากกว่าสองพันปีแล้ว เห็นได้ชัดว่าพระองค์ทรงเป็นต้นแบบของการมีภาวะผู้นำอย่างดีเยี่ยมทีเดียว

คุณสมบัติของผู้ที่มีภาวะผู้นำ 
ดังที่เราทราบแล้วว่า ภาวะผู้นำหมายถึงการที่บุคคลคนหนึ่งสามารถมีอิทธิพลต่อผู้อื่นจนพวกเขาสมัครใจที่จะเชื่อฟังและทำตาม คนที่มีภาวะผู้นำเช่นนี้มักมีคุณสมบัติอะไรบางอย่างที่ทำให้ผู้คนคล้อยตามได้ง่ายหรืออยากติดตามเขา ปัจจุบันมีการศึกษากันมากว่าคุณสมบัติอะไรบ้างที่สร้างภาวะผู้นำในตัวบุคคลขึ้นมา? การตอบคำถามนี้อาจทำได้โดยถามว่า ผู้คนทั่วไปมักชอบติดตามคนแบบไหน? คนที่มีคุณสมบัติอะไรที่ดึงดูดให้ผู้คนอยากคล้อยตามหรือติดตาม? ผู้ที่ศึกษาวิจัยด้านความเป็นผู้นำจำนวนมากพบความจริงคล้ายคลึงกันว่า คนที่มีภาวะผู้นำมักมีคุณสมบัติต่อไปนี้

      1. มีความรู้ความสามารถ ผู้คนมักอยากติดตามคนที่มีความรู้ความสามารถมากกว่าตน อย่างน้อยก็เป็น
ความรู้ความสามารถเฉพาะด้านที่พวกเขาต้องพึ่งพา ความรู้ความสามารถที่ว่านี้อาจรวมไปถึงความรู้ความสามารถที่แปรรูปเป็นทรัพยากรอย่างอื่นด้วยก็ได้ เช่น ประสบการณ์ความสำเร็จ ฐานะทางการเงิน ตำแหน่ง เกียรติยศชื่อเสียง สายสัมพันธ์ หรืออำนาจอิทธิพล การที่พระเยซูทรงมีความพิเศษแตกต่างจากผู้อื่นในคำสอนและฤทธิ์อำนาจเหนือกว่าผู้นำทางศาสนาและผู้นำทางการเมืองในยุคนั้น ทำให้ผู้คนติดตามพระองค์ ความรู้ความสามารถมักเป็นใบเบิกทางขั้นต้นที่ช่วยให้บุคคลมีภาวะผู้นำง่ายขึ้น และเร็วขึ้น แต่ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด หากขาดสิ่งอื่นๆที่จะตามมาต่อไปนี้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ก็จะไม่สามารถทำให้ผู้อื่นติดตามเราจนตลอดรอดฝั่ง
   
     2. ซื่อตรงและมีคุณธรรม ผู้คนมักอยากติดตามคนที่พวกเขารู้สึกว่าเป็นคนดีมีคุณธรรม อย่างน้อยก็
ต้องเป็นคนที่พวกเขาเชื่อถือได้ ไว้วางใจได้ คุณสมบัตินี้มักไม่ได้เกิดขึ้นโดยทันที แต่ต้องใช้เวลาพิสูจน์ชีวิตกันพอสมควร จนถึงระยะเวลาหนึ่งผู้คนก็จะเกิดความศรัทธาและไว้วางใจ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนติดตามพระเยซูก็เพราะพระองค์ทรงพิสูจน์ตัวเองให้ผู้คนได้เห็นได้สัมผัสอย่างต่อเนื่องว่า พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยความดี ทรงตรัสแต่ความจริง ไม่มีความเท็จในพระองค์เลย ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงศรัทธาในพระองค์และติดตามเป็นสาวกของพระองค์

     3. มีบุคลิกกาพที่ดี ผู้คนมักอยากติดตามคนที่มีบุคลิกภาพแบบผู้นำ เช่น มีความมั่นใจ มีอารมณ์มั่นคง 
ดูเข้มแข็ง สง่า สุขุมเยือกเย็น ในพระคัมภีร์เราเห็นภาพของพระเยซูว่าทรงมีความมั่นคงในอารมณ์ ทรงทราบและเชื่อมั่นในจุดยืนของพระองค์อย่างชัดเจน ทรงสุขุม สงบเยือกเย็น เข้มแข็งไม่หวั่นไหวแม้ต้องถูกต่อต้าน โต้แย้งและกล่าวหา พระองค์จึงทรงมีบุคลิกของผู้นำอย่างเต็มเปี่ยม
   
     4. มีมนุษยสัมพันธ์ ผู้คนมักอยากติดตามคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดี หรือเป็นคนที่พวกเขาสามารถรู้จัก
และสนิทสนมได้ง่าย เป็นคนที่พวกเขารู้สึกสบายใจที่จะผูกพันชีวิตและร่วมงานด้วยและพื้นฐานของการมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีก็คือ การเข้าใจคนเข้าใจว่าคนเราชอบอะไรไม่ชอบอะไร รวมทั้งสามารถตอบสนองสิ่งที่คนอื่นชอบและไม่ทำสิ่งที่คนไม่ชอบ ในชีวิตของพระเยซูเราพบว่าพระองค์ทรงใช้เวลาอยู่กับเหล่าอัครสาวกและประชาชนทุกระดับอย่างเป็นกันเอง ทรงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายไม่ถือพระองค์ ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงพึงพอใจที่จะติดตามพระองค์
 
     5. เป็นแบบอย่าง ผู้คนมักอยากติดตามคนที่สามารถเป็นแบบอย่างให้พวกเขาได้ เป็นคนที่พวกเขา
อยากจะเลียนแบบและเป็นเหมือน ไม่ใช่คนที่เพียงแต่พูด หรือออกคำสั่ง แต่ไม่เคยทำก่อนหรือไม่เคยทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง เราเห็นความเป็นแบบอย่างในชีวิตของพระเยซูอย่างชัดเจนทรงสอนในสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ ไม่มีอะไรที่พระองค์ใช้สาวกกระทำโดยที่พระองค์ไม่เคยทำก่อน

      6. เสียสละ ผู้คนมักอยากติดตามคนที่พวกเขารู้สึกว่าบุคคลนั้นรักพวกเขา ยอมเสียสละเพื่อพวกเขา 
และนำเพื่อประโยชน์ของพวกเขาเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อตัวเองเป็นหลัก พระเยซูทรงเป็นสุดยอดผู้นำที่เสียสละเพื่อผู้ตาม ทรงสละแม้ชีวิตของพระองค์เองเพื่อสาวกทุกคน ทรงยอมสละความสุขส่วนตัวเพื่อสาวกและผู้คนที่ติดตามพระองค์เสมอ ผู้คนจึงติดตามพระองค์จนถึงขั้นที่ยอมตายเพื่อพระองค์เช่นกัน

      7. มีวิสัยทัศน์และเป้าหมาย วิสัยทัศน์หมายถึงการมองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นหรืออยากให้เกิดขึ้นใน
อนาคต เป้าหมายคือการกำหนดจุดที่คาดหวังจะไปให้ถึงตามวิสัยทัศน์ที่เห็น ผู้คนมักอยากติดตามคนที่มีวิสัยทัศน์และเป้าหมาย คนที่รู้ว่ามีชีวิตอยู่เพื่อจะทำอะไร มีเป้าหมายอะไร พวกเขาจะได้ติดตามไปอย่างมั่นใจ พระเยซูทรงชี้ให้บรรดาสาวกมองถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเสมอ โดยทรงสอนถึงแผ่นดินสวรรค์ การดำเนินชีวิตที่พระเจ้าพอพระทัย ชีวิตหลังความตาย การเสด็จกลับมา อีกทั้งทรงบอกถึงเป้าหมายและวิธีการในการบรรลุเป้าหมายอยู่เสมอเช่นกัน โดยบอกถึงการประกาศ และสร้างสาวก การอดทนต่อความทุกข์ ด้วยวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่ชัดเจนผู้คนจึงติดตามพระองค์

     8. มีความริเริ่ม ความริเริ่มคือการทำก่อนหรือทำเองโดยไม่จำเป็นต้องรอคนอื่นมาร่วมด้วยก่อนแล้วจึงค่อยทำ ผู้คนมักอยากติดตามคนที่ริเริ่มทำสิ่งที่ตนเชื่อก่อน แล้วเมื่อพวกเขาเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีก็จะเริ่มหันมาทำตามด้วยภายหลัง เราเห็นจากชีวิตของพระเยซูว่าพระองค์ทรงสอนและทำสิ่งที่แตกต่างและเป็นสิ่งที่ท้าทายสังคมในเวลานั้นเป็นอย่างมาก พระองค์เริ่มพันธกิจโดยพระองค์เองตามลำพัง แต่เมื่อพระองค์ทำอย่างแน่วแน่ผู้คนก็เริ่มเห็นสิ่งดีและหันมาติดตามพระองค์อย่างมากมาย

     9. เข้มแข็ง กล้าหาญ และอดทน ผู้คนมักอยากติดตามคนที่เข้มแข็ง กล้าหาญที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง 
และมีความบากบั่นมุ่งมั่นจนกระทั่งประสบความสำเร็จ ไม่เลิกล้มกลางคัน พระเยซูทรงทำพันธกิจท่ามกลางการถูกต่อต้านและประสงค์ร้ายตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่อัครสาวกของพระองค์เองก็ยังเคยหวาดกลัวและท้อถอยจนทิ้งพระองค์ไป แต่พระองค์ไม่เคยยอมแพ้ แม้บางครั้งจะท้อพระทัยบ้างแต่ก็ทรงยืนหยัดจนวาระสุดท้าย ทรงเผชิญหน้าความตายอย่างกล้าหาญและเข้มแข็งจนทรงสามารถตรัสว่า “สำเร็จแล้ว” บนกางเขนแล้วก็สิ้นพระชนม์

ทักษะของผู้นำ
นอกจากคุณสมบัติของผู้นำที่กล่าวมาข้างต้น เรายังพบอีกว่าผู้ที่มีภาวะผู้นำสูงมักมีทักษะในการนำหรือความสามารถในการนำเหล่านี้อีกด้วย
   
   1. จูงใจผู้อื่นได้ดี ผู้นำจำเป็นต้องมีการจูงใจผู้อื่น การจูงใจเป็นความสามารถในการโน้มน้าวผู้อื่นให้
ทำตามด้วยความเต็มใจ แม้จะเป็นสิ่งที่ยากลำบาก ผู้นำที่ดีมักมีทักษะความสามารถในการจูงใจผู้อื่น  

     2. บริหารจัดการได้ เป็นความสามารถในการวางแผนงาน จัดระบบงาน จัดคนเข้าทำงาน ควบคุมการทำงาน ประเมินผลและปรับปรุงงาน จนกระทั่งบรรลุเป้าหมาย ผู้นำที่มีประสิทธิภาพมักมีทักษะของนักบริหารจัดการด้วย

    3. สามารถจัดลำดับความสำคัญ ชีวิตมักมีสิ่งที่ต้องทำมากมาย แต่ผู้นำที่ดีจะสามารถจัดสรรได้ว่าอะไรสำคัญก่อนหลัง เพื่อเป้าหมายจะสำเร็จและการทำงานจะมีประสิทธิภาพ

    4. ตัดสินใจและแก้ปัญหาได้ดี  ในการนำมักจะต้องตัดสินใจและต้องแก้ปัญหาอยู่เสมอ บางเรื่องง่าย
แต่บางเรื่องก็ยาก ผู้นำที่เก่งจะสามารถตัดสินใจได้ดี สามารถเผชิญปัญหาด้วยท่าทีที่ดีและสามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
  5. มีความคิดสร้างสรรค์ ผู้นำจะต้องคิดได้กว้างไกลและลึกซึ้งกว่าคนอื่น ฉะนั้นผู้นำจึงควรสามารถคิด
อย่างสร้างสรรค์

  6. สอนคนอื่นเป็น สร้างผู้นำและทีมงานได้ ผู้นำจะสามารถทำงานใหญ่ได้ก็ต่อเมื่อสามารถสอนและ
สร้างผู้อื่นให้พัฒนาเติบโตขึ้นเป็นทีมงาน และเป็นผู้นำแทนตนเองต่อไปได้ เพื่อตนเองจะได้สามารถก้าวขึ้นไปทำงานที่สูงขึ้นและยากขึ้น ผู้นำที่เก่งมักมีทักษะความสามารถในการสอน การสร้างและการพัฒนาผู้อื่นให้เป็นผู้นำต่อไป รวมทั้งสามารถสร้างทีมงานและทำงานเป็นทีมได้ดี

   7. สามารถสื่อสารและพูดต่อหน้าชุมชนได้ดี ผู้นำจำเป็นต้องมีการสื่อสารและการพูดกับกลุ่มคนอยู่
เสมอ คนที่มีภาวะผู้นำสูงมักสามารถสื่อสารกับกลุ่มคนที่เรานำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการสื่อสารกับกลุ่มคนมาก ๆ ผู้นำที่เก่งมักเป็นคนที่พูดกับกลุ่มคนได้ดี 
ยังมีทักษะอื่น ๆ อีกที่คนมีภาวะผู้นำสูงมักจะมี ซึ่งเราพบได้จากผู้นำที่มีความสามารถเป็นจำนวนมาก เช่น การนำกลุ่ม การนำประชุม การบริหารเวลา การบริหารเงิน การใช้อำนาจการมีชีวิตที่สมดุล การจัดการความเครียด และอื่นๆคนที่ต้องการพัฒนาภาวะผู้นำควรเรียนรู้และพัฒนาในคุณสมบัติและทักษะเหล่านี้เพื่อเสริมสร้างภาวะผู้นำของตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น