มนุษยสัมพันธ์ของผู้นำ
มนุษยสัมพันธ์หมายถึงการติดต่อเกี่ยวข้องกันระหว่างบุคคลเพื่อให้เกิดความรักใคร่ชอบพอความร่วมมือร่วมใจในการทำกิจกรรมให้บรรลุเป้าหมายและการดำเนินชีวิตให้มีความราบรื่น ผู้นำต้องเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับคนมาก การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีจะทำให้ผู้นำสามารถเข้าสังคมกับผู้อื่นและเป็นที่รักของผู้คนได้ง่าย
จุดมุ่งหมายของมนุษยสัมพันธ์
1. เป็นนํ้าพระทัยพระเจ้าที่จะให้เรารักผู้อื่น และให้คนเรารักซึ่งกันและกัน
2. เพื่อให้รู้จักและเข้าใจผู้อื่น
3. เพื่อให้ได้รับความรักใคร่ ความเชื่อถือศรัทธาและความไว้วางใจจากผู้อื่น
4. เพื่อให้เกิดการร่วมมือร่วมใจในการทำงานไปสู่เป้าหมาย
5. เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งในการทำงานและการอยู่ร่วมกัน
6. เพื่อให้ตนเองมีความสุข ผู้อื่นมีความสุข และสังคมมีความสุข
ลักษณะพิเศษของมนุษยสัมพันธ์แบบคริสเตียน
1. ต้องไม่ให้การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นทำให้ความสัมพันธ์กับพระเจ้าเสียไป
2. สร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นด้วยความรักอย่างจริงใจ จากความรักแท้แบบของพระเจ้าที่เป็นผลมาจากจิตใจที่บังเกิดใหม่ ไม่ใช่เสแสร้ง หรือหวังผลประโยชน์ที่มีชอบแอบแฝง
เทคนิคการสร้างมนุษยสัมพันธ์
ด้านบุคลิกภาพ
1. ยิ้มแย้มแจ่มใส ร่าเริง เบิกบาน มองโลกแง่ดี
2. แต่งกายให้เหมาะสมกับกาลเทศะ และสะอาด
3. รักษาบุคลิกภาพที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง เดิน ยืน รับประทาน ไม่ล้วงแคะแกะเกา เพื่อให้ไม่เป็นที่รังเกียจ
ด้านการสนทนา
- ทักทายผู้อื่นก่อน กล่าวสวัสดีก่อน ในธรรมเนียมไทยก็ควรยกมือไหว้ก่อน โดยเฉพาะกับคนที่อาวุโสกว่า
- ในการรู้จักใครครั้งแรก เราควรเรียกเขาด้วยชื่อและสรรพนามที่ให้เกียรติเขามากที่สุด หากเขามีตำแหน่งอย่างเป็นทางการก็ควรเรียกเขาตามตำแหน่ง สำหรับคนที่เราไม่รู้ตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่งที่เป็นทางการ เราควรเรียกตามลำดับอาวุโส (โดยเฉพาะคนไทยและคนจีน) เช่น พี่ ป้า น้า อา ลุง ยาย ฯลฯ หรือถ้าไม่แน่ใจก็ควรเรียกเขาอย่างเป็นทางการว่า “คุณ” แล้วต่อด้วยชื่อของเขาไว้ก่อน อย่างไรก็ตามในการรู้จักกันครั้งแรกควรเรียกชื่อหรือสรรพนามที่ให้เกียรติสูงและเป็นทางการไว้ก่อน แล้วถ้าเขาอยากให้เราเรียกด้วยชื่อที่เป็นกันเองมากกว่าเขาก็จะบอกเอง
- เป็นนักฟังที่ดี ฟังให้มาก ฟังคู่สนทนาอย่างสนใจ อย่าเอาแต่พูดฝ่ายเดียว
- พูดในสิ่งที่ผู้ฟังสนใจ อยากร่วมแสดงความเห็นด้วย พูดเรื่องที่ทำให้ผู้ฟังภูมิใจ รู้จักชม ให้กำลังใจ อย่าพูดแต่เรื่องของตนเอง หรือเรื่องที่ตัวเองสนใจอยู่คนเดียว
- ต้องระมัดระวังการพูดจา ไม่ให้กระทบกระเทือนสิ่งที่ผู้อื่นรู้สึกเป็นปมด้อย และเลือกที่จะกล่าวถึงปมเด่นของเขา
- ไม่ควรทำตัวเด่นเกินไปหรือทำตัวเป็นผู้รอบรู้ หรือชอบสอนคนอื่นทั้งที่เขายังไม่ได้ขอคำแนะนำเพราะจะทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเราวางตัวเหนือกว่า หากจะแนะนำใครต้องทำแบบถ่อมตัวให้เกียรติเขา และไม่ทำให้เขาเสียหน้า
- คำพูดสุภาพ นํ้าเสียงนุ่มนวล ไม่กระด้าง มีหางเสียง มีคำลงท้ายครับ/ค่ะ ใช้คำขอบคุณ ขอโทษจนติดปาก
- ไม่ขัดแย้งหรือขัดคอผู้อื่นในเรื่องเล็กๆน้อยๆ หรือเรื่องที่ไม่ก่อประโยชน์อะไรขึ้นมาคล้อยตามเขาดีกว่า และหากจำเป็นต้องแย้ง ก็ทำโดยอ้อมๆ อย่าทำให้ใครเสียหน้า อาจใช้คำถามที่ทำให้เขาคิดได้เอง
- ใช้อารมณ์ขันอย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ
ด้านการวางตัว
1. วางตัวให้เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล รู้ว่าอะไรควร ไม่ควร รักษามารยาท
2. เอาใจเขามาใส่ใจเรา และพยายามปฏิบัติต่อผู้อื่นในแบบที่เขาชอบ ไม่ใช่แบบที่ตัวเราเองชอบ
3. ให้ความสำคัญแก่ผู้อื่น ซึ่งแสดงออกได้หลายวิธี เช่น (1) จดจำชื่อของเขา และสิ่งที่สำคัญของเขา เช่น วันเกิดเขา (2) ชมเชยเขาต่อหน้า และพูดให้คนอื่นรู้ว่าเขาเก่ง ดี มีความสำคัญ (3) แสดงกิริยาสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนต่อเขา (4) ให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่เขา ให้โอกาสในการทำสิ่งต่างๆก่อนตัวเราเสมอ หากทำได้
4. ไม่ควรมีความมั่นใจในตัวเองจนเกินไป การแสดงความบกพร่องหรือไม่สมบูรณ์ของเราบ้างจะทำให้คนชอบเรา
5. ต้อนรับผู้อื่นเสมอ ไม่ว่าผู้นั้นจะไปเยี่ยมบ้านหรือเดินเข้ามาในที่ที่เรานั่งอยู่
6. แสดงนํ้าใจต่อผู้อื่น บริการผู้อื่น สงเคราะห์ช่วยเหลือในเรื่องเล็กๆน้อยๆ
7. รู้จักการให้ ให้ทั้งความรัก ความเห็นใจ ให้อภัย ให้ความช่วยเหลือและให้สิ่งของตามสมควร
8. แสดงความเห็นใจในความทุกข์ของผู้อื่น
9. สนใจผู้อื่นและผู้ที่อยู่ใกล้ชิด
10. ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น
11. มีความจริงใจต่อผู้อื่น มีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น
12. ซื่อสัตย์ ซื่อตรง รับผิดชอบ รักษาคำพูด คำสัญญา รักษาเวลาการนัดหมาย รักษาความลับ
13. ยกย่องให้เกียรติผู้อื่นตามโอกาสอันควร
14. ถ่อมตัว ไม่แสดงอำนาจเหนือผู้อื่น
15. มีความเกรงใจ เช่น ไม่ถามเรื่องส่วนตัวของผู้อื่น ไม่ยืมของใช้ของผู้อื่นโดยไม่จำเป็น
16. ไม่จับผิดผู้อื่น ถ้าผู้อื่นทำผิดเล็กๆน้อยๆ ก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นเสียบ้าง
17. เมื่อเป็นฝ่ายผิดก็ต้องยอมรับผิด ไม่โยนความผิดให้ผู้อื่น และรู้จักขออภัยเมื่อทำผิดต่อผู้อื่น
18. ยอมแพ้เสียบ้าง การยอมแพ้มิได้หมายความว่าเป็นฝ่ายผิด แต่ยอมแพ้เพื่อให้ผู้อื่นสบายใจ นอกจากนี้การยอมแพ้ไม่ทำให้เกิดการโต้เถียง
19. มีความเป็นกันเอง รู้จักทักทายปราศรัย ทำตัวง่ายๆ ไม่เจ้าระเบียบจนเกินไป ไม่ทำตนให้ผู้อื่นรู้สึกเกรงกลัว ห่างเหินหรือไม่อยากเข้าใกล้ แต่ควรทำตัวให้คนอื่นเมื่ออยู่ใกล้แล้วสบายใจ
20. เปิดเผยในระดับที่เหมาะสม
21. สังเกตความต้องการของผู้อื่น และให้ในสิ่งที่เขาต้องการเท่าที่ทำได้ ตลอดจนสังเกตอารมณ์ความรู้สึกเพื่อจะได้ตอบสนองให้สอดคล้องกับอารมณ์ได้
22. อดทนและควบคุมอารมณ์ได้ ในยามที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่สบายใจ
23. ศึกษาสภาพแวดล้อมในสังคมที่เราอยู่ เพื่อให้ทราบว่าใครมีความขัดแย้งกับใคร จะได้ระมัดระวังไม่พูดเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะการพูดเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งย่อมทำให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่พอใจได้
24. เมื่อได้รับคำชมเชยในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อย่าโอ้อวดตนเอง แต่ให้ยกเป็นความดีของผู้ที่มีส่วนร่วม
25. พยายามไม่ติใครโดยไม่จำเป็น และหากต้องติ ให้ติอย่างนุ่มนวลด้วยความรัก และติเป็นการ
ส่วนตัว อย่าทำให้เขาอับอาย
26. ยิ่งใกล้ชิดสนิทกับใครมากเท่าไรควรเกรงใจเขาให้มากขึ้นเท่านั้น อย่าลืมรักษานํ้าใจคนที่ใกล้
ชิดสนิทสนม
พิเศษสำหรับผู้นำ
โดยฐานะของผู้นำ การมีมนุษยสัมพันธ์จะต้องมีบางอย่างพิเศษกว่าคนทั่วไปด้วย เช่น การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีของคนทั่วไป เราควรมีการเสียสละอยู่แล้ว แต่เมื่อเราเป็นผู้นำ เรายิ่งต้องเสียสละมากกว่าเดิม ปกติเราควรมีนํ้าใจอยู่แล้ว แต่ในฐานะผู้นำ เรายิ่งต้องมีนํ้าใจมากขึ้น ปกติเราควรระวังคำพูดอยู่แล้ว ในฐานะผู้นำเรายิ่งต้องระวังคำพูดมากยิ่งขึ้น ปกติเราควรเข้ากับคนอื่นได้ง่ายอยู่แล้ว ในฐานะผู้นำเรายิ่งต้องเข้ากับคนอื่นได้ง่ายยิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น