วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2558

ภาวะผู้นำแบบคริสเตียน

ลักษณะพิเศษของภาวะผู้นำแบบคริสเตียน
โลกนี้ก็ต้องการผู้นำ งานของพระเจ้าต้องการผู้นำ พระคัมภีร์สอนเรื่องการเป็นผู้นำ โลกนี้ก็สอนเรื่องการเป็นผู้นำ ถ้าเช่นนั้นแล้วการเป็นผู้นำแบบคริสเตียนเหมือนหรือแตกต่างจากการเป็นผู้นำทั่วไปอย่างไรล่ะ ? พระคัมภีร์ให้แนวคิดเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ต่างจากแนวคิดของโลกโดยทั่วไปไว้หลายประการ ได้แก่
  1. ต้องนำเพื่อรับใช้พระเจ้าก่อน มิใช่เพื่อตนเองเป็นหลัก 
ผู้นำต้องนำเพื่อให้ทั้งตนเองและผู้ตามบรรลุนํ้าพระทัยพระเจ้า เพื่อเป็นการรับใช้พระเจ้า (ยน.12: 
26) มิใช่เพื่อบรรลุความประสงค์ของตนเองเป็นหลัก พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างแก่เราโดยทรงตรัสว่า “เราจะทำสิ่งใดตามอำเภอใจไม่ได้...เพราะเรามิได้มุ่งที่จะทำตามใจของเราเอง แต่ตามพระประสงค์ของพระองค์ผู้ทรงใช้เรามา” (ยน.5:30) นอกจากนี้ ผู้นำที่นำเพื่อรับใช้พระเจ้าจะยอมเป็นผู้ตามที่ดีหากเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า
  1. ต้องนำเพื่อรับใช้ผู้อื่นก่อน มิใช่เพื่อผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก 
ผู้นำต้องนำเพื่อประโยชน์ในการรับใช้ผู้อื่นด้วย มิใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตนอย่างเดียว ดังที่พระคัมภีร์
กล่าวว่า “ผู้ใดที่เป็นนายใหญ่ในพวกท่าน ผู้นั้นย่อมต้องรับใช้ท่านทั้งหลาย” (มธ.23:11) “ถ้าผู้ใดใคร่จะได้เป็นคนต้น ก็ให้ผู้นั้นเป็นคนสุดท้าย และเป็นผู้รับใช้ของคนทั้งปวง” (มก.9:35)
  1. ต้องนำด้วยความถ่อมใจและการเป็นแบบอย่างก่อน มิใช่ด้วยการใช้อำนาจเป็นหลัก
ผู้นำต้องนำด้วยความถ่อมใจ มิใช่มักใหญ่ใฝ่อำนาจ คือนำด้วยการเป็นแบบอย่างและการจูงใจเป็นหลัก จะใช้อำนาจเฉพาะเมื่อไม่มีทางอื่นเท่านั้น และเมื่อจำเป็นต้องใช้อำนาจ ก็จะใช้ในทางที่ถูกต้อง และไม่ใช้อำนาจเกินกว่าที่ตนได้รับมา ดังที่พระธรรม 1 เปโตร 5:3 กล่าวถึงผู้นำว่า “... ไม่ใช่เหมือนเป็นเจ้านายที่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจ แต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น”
  1. ต้องนำด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจ มิใช่ด้วยการใช้เล่ห์เหลี่ยม 
ผู้นำต้องนำด้วยความซื่อสัตย์และจริงใจต่อพระเจ้า ต่อตนเอง และต่อผู้ที่ตนนำ ไม่ใช้ความภักดีของ
ผู้ที่ตนนำเพื่อประโยชน์ส่วนตน แน่นอนว่าในการนำ เราควรใช้สติปัญญาอย่างมาก แต่ต้องไม่ใช้สติปัญญาที่
แฝงด้วยเล่ห์เหลี่ยม ควรเป็นสติปัญญาแห่งความชอบธรรมและสร้างสรรค์เท่านั้น ดังที่เปาโลกล่าวว่า “เราได้ละทิ้งเล่ห์เหลี่ยมต่างๆที่น่าอับอายไปหมดสิ้นแล้ว เราไม่ทำกลอุบายและไม่ได้พลิกแพลงพระกิตติคุณของพระเจ้า แต่โดยสำแดงสัจจะ เราเสนอตัวเราให้กับจิตสำนึกผิดชอบของคนทั้งปวงจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า” (2 คร.4:2) เรื่องนี้ยังรวมถึงว่าวิธีการในการนำก็ต้องเป็นวิธีที่ชอบธรรมด้วย
  1. ต้องนำด้วยการพึ่งพระเจ้าก่อน มิใช่พึ่งแต่ตนเองเป็นหลัก 
ผู้นำต้องนำด้วยการพึ่งพาพระเจ้า ไม่ใช่พึ่งแต่กำลังความสามารถและสติปัญญาของตนเอง หรือ
กำลังของมนุษย์ การตัดสินใจที่สำคัญก็พึ่งการทรงนำของพระเจ้าด้วย ไม่ใช่พึ่งแต่ความคิด ความเห็นของมนุษย์ จากชีวิตของทั้งโมเสส ดาวิด เปาโล และพระเยซูคริสต์ เราจะพบว่าท่านเหล่านี้เป็นสุดยอดผู้นำ แต่เขากลับให้เวลาอย่างมากในการอธิษฐานเข้าเฝ้าพระเจ้าเสมอ
  1. ต้องนำโดยคุณสมบัติด้านจริยธรรมก่อน มิใช่มีแต่คุณสมบัติด้านความสามารถเป็นหลัก
ในพระคัมภีร์เมื่อมีการตั้งผู้นำมักจะมีการกล่าวถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะขึ้นมาทำหน้าที่เสมอ คนที่โมเสสตั้งให้เป็นผู้นำมีการระบุคุณสมบัติว่าต้องเป็น “คนที่ยำเกรงพระเจ้าไว้ใจได้ และไม่กินสินบน” (อพย.18:21) การตั้งผู้นำในพระธรรมกิจการระบุคุณสมบัติว่า “เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลายจงเลือกเจ็ดคนในพวกท่านที่มีชื่อเสียงดีประกอบด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และสติปัญญา เราจะตั้งเขาให้ดูแลการงานนี้” (กจ.6:3) ท่านเปาโลก็สอนทิตัส และทิโมธีให้ตั้งผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมให้เป็นผู้ปกครองดูแลและมัคนายกไว้ในทุกคริสตจักรโดยกล่าวว่า “....คือตั้งคนที่ไม่มีข้อตำหนิ เป็นสามีของหญิงคนเดียว บุตรของเขามีความเชื่อ และไม่มีช่องทางให้ผู้ใดกล่าวหาว่าบุตรนั้นเป็นนักเลงหรือเป็นคนดื้อกระด้าง เพราะว่าผู้ปกครองดูแลนั้น ในฐานะที่เป็นผู้รับมอบฉันทะจากพระเจ้า ต้องเป็นคนที่ไม่มีข้อตำหนิ ไม่เป็นคนเย่อหยิ่ง ไม่เป็นคนเลือดร้อน
ไม่เป็นนักเลงสุรา ไม่เป็นนักเลงหัวไม้ และไม่เป็นคนโลภมักได้ แต่เป็นคนมีอัชฌาสัยรับแขกดี เป็นผู้รักความดี เป็นคนมีสติสัมปชัญญะ เป็นคนยุติธรรม เป็นคนบริสุทธิ์ รู้จักบังคับใจตนเอง และเป็นคนยึดมั่นในหลักคำสอนอันแท้ตามที่ได้เรียนมาแล้ว เพื่อจะสามารถเตือนสติด้วยคำสอนอันมีหลัก และชี้แจงแก่ผู้ที่คัดค้านคำสอนนั้น” (1 ทธ.3:1-13; ดูเพิ่มเติมใน ทต.1:5-11)
จากพระคัมภีร์ตอนเหล่านี้เราพบว่าผู้นำแบบคริสเตียนนั้นต้องมีคุณสมบัติที่ครอบคลุมทั้งด้าน
จริยธรรมและด้านความสามารถด้วย แต่จะเน้นด้านจริยธรรมเป็นพื้นฐาน และด้านทักษะความสามารถเป็นสิ่งที่จะตามมา และในประสบการณ์จริง เราก็มักจะพบว่าคนที่ดีจริง มีความตั้งใจจริงก็มักจะพัฒนาความสามารถตามมาด้วย

ผลตอบแทนของผู้นำ
ผู้นำจะได้รับอะไร? เป็นเรื่องปกติที่ผู้นำจะได้รับสิ่งเหล่านี้มากกว่าผู้ตาม
สิ่งที่ดูเหมือนไม่ดีที่ผู้นำมักจะได้รับ 
  1. คำวิจารณ์ ผู้นำทุกคนล้วนแต่ต้องผ่านการถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถูกตำหนิ จะมีทั้งคำวิจารณ์ทั้งที่เป็นธรรมและไม่เป็นธรรม
  2. ความเหน็ดเหนื่อย ความสูญเสีย และความเจ็บปวด ผู้นำมักต้องเผชิญกับความสูญเสียบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเสียเงิน เสียเวลา เสียกำลังเรี่ยวแรง เสียความเป็นส่วนตัว เสียความรู้สึก
  3. ความโดดเดี่ยวและเหงา เป็นความรู้สึกดังวลีที่ว่า “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” ผู้นำจะเผชิญกับสิ่งนี้บ้างอย่างหลีกเลี่ยงมีได้
  4. ความเสี่ยงต่อความผิดพลาด คนที่ทำงานมักจะต้องเสี่ยงต่อความผิดพลาดล้มเหลวซึ่งก็เป็นปกติที่ผู้นำหรือคนที่ต้องทำสิ่งใดก่อนคนอื่น ย่อมต้องเสี่ยงต่อความผิดพลาดก่อนคนอื่นและมากกว่าคนอื่น และมักจะผิดพลาดล้มเหลวบ้าง แล้วความบกพร่องผิดพลาดและล้มเหลวนั้นก็จะนำไปสู่การเรียนรู้และความสำเร็จในภายหลัง คนที่ไม่ผิดพลาดคือคนที่ไม่ทำอะไร คอยวิจารณ์อย่างเดียว คนที่นำคนอื่นหากจะผิดก็จะพบความผิดพลาดก่อนคนอื่น
  5. การถูกปฏิเสธ ถูกโกรธ เกลียด บางครั้งผู้นำจะต้องถูกเกลียดทั้งจากผู้ที่ตนเองนำและผู้อื่น เพราะผู้นำมักจะต้องตัดสินใจบางอย่างที่ถูกใจคนบางกลุ่ม แต่ก็จะไม่ถูกใจคนบางคนบางกลุ่ม ซึ่งไม่มีทางที่เราจะทำอะไรให้ถูกใจทุกคนทุกกลุ่มได้
  6. การทดลองหรือการยั่วยุให้ทำผิด ผู้นำมักจะถูกทดลองมากกว่าผู้ตาม ไม่ว่าจะเป็นการทดลองให้ทำผิดในเรื่องการใช้อำนาจ เงิน และเพศ
แท้จริงแล้วสิ่งที่ดูเหมือนไม่ดีนี้ก็สามารถเป็นสิ่งดีเช่นกัน หากเรามีท่าทีถูกต้องตามหลักพระวจนะ เช่น ทำให้เราติดสนิทกับพระเจ้ามากขึ้น ทำให้เราฉลาดขึ้น อดทนขึ้น เติบโตขึ้น นิสัยดีขึ้น รู้จักตัวเองมากขึ้น รู้จักคนอื่นมากขึ้น ได้พัฒนาตัวเองมากขึ้น ได้เห็นพระคุณและความยิ่งใหญ่ของพระเจ้ามากขึ้น ทำให้เราได้รับใช้พระเจ้ามากขึ้น ได้รับบำเหน็จมากขึ้น ทำให้เรามีโอกาสใหม่ๆมากขึ้น ฯลฯ ผู้นำที่ทำสิ่งดี แม้จะได้รับสิ่งที่ไม่ดีก็จะกลับกลายเป็นสิ่งดีในภายหลังได้

สิ่งที่ผู้นำมักจะได้รับ
1. ความสำเร็จ ผู้นำจะมีโอกาสพบความสำเร็จมากกว่าผู้ที่ไม่พร้อมจะนำใคร
2. ความภาคภูมิใจ ผู้นำที่ประสบความสำเร็จจะบังเกิดความภาคภูมิใจมากกว่าผู้ที่ไม่พร้อมจะนำใคร
3. ความรัก ผู้นำที่ดีจะได้รับความรักจากผู้ที่ตนนำ
4. ชื่อเสียง ความนิยมชมชอบ ผู้นำที่ดีจะเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมชมชอบจากผู้ที่ตนนำ ผู้คนจะจดจำผู้นำมากกว่าผู้ที่ไม่พร้อมจะนำใคร
5. การยอมรับ การยกย่อง เกียรติ ผู้นำที่ดีจะได้รับการยอมรับ การยกย่องให้เกียรติจากบรรดาคนที่ตนนำ และจากบุคคลอื่นด้วย
6. การพัฒนาตัว ผู้ที่ทำหน้าที่นำคนอื่นจะได้พัฒนาความรู้ความสามารถตัวเองมากกว่าผู้ที่ไม่นำใคร
  1. ผลตอบแทนที่มากขึ้น ผู้นำมักจะได้รับผลตอบแทนมากกว่าผู้ตาม ไม่ว่าจะเป็นเงินตอบแทน เกียรติ 
ตำแหน่ง หรือสิทธิพิเศษ
  1. บำเหน็จและพระพรจากพระเจ้า ผู้นำฝ่ายวิญญาณจะได้รับบำเหน็จจากพระเจ้าเป็นพิเศษ ท่านเปาโล
กล่าวถึงผู้ทำหน้าที่ผู้นำคริสตจักรที่เลี้ยงดูจิตวิญญาณผู้อื่นว่า “...และเมื่อพระผู้เลี้ยงผู้ยิ่งใหญ่จะเสด็จมาปรากฏ ท่านทั้งหลายจะรับศักดิ์ศรีเป็นมงกุฎที่ร่วงโรยไม่ได้เลย” (1 ปต.5:1-4)

เราเห็นจากชีวิตของพระเยซูว่าแม้ทรงเป็นต้นแบบของผู้นำที่ดีเยี่ยม แต่พระองค์ก็ทรงได้รับสิ่งที่ไม่ดีเหล่านี้ทั้งสิ้น ทรงถูกวิจารณ์อย่างไม่เป็นธรรม ถูกใส่ความ ทรงเหน็ดเหนื่อยและเจ็บปวด ทรงถูกทอดทิ้งถูกปฏิเสธ การทดลอง ความเสี่ยง จนกระทั่งถึงกับต้องสละพระชนม์ชีพ แต่ท้ายที่สุดด้วยการเชื่อฟังของพระองค์ ก็ทำให้แผนการไถ่ของพระบิดาสำเร็จ พระนามของพระองค์ก็ถูกยกขึ้นเชิดชูเหนือนามทั้งปวง และสิ่งที่พระองค์กระทำได้ส่งผลเปลี่ยนแปลงโลกครั้งยิ่งใหญ่มาจนถึงปัจจุบัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น